เครื่องกรองอากาศ เลือกให้ดีแล้วจะคุ้มค่า

936

ปัจจุบันนี้สภาพอากาศบ้านเราไม่ค่อยจะดี มลภาวะก็เยอะ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน เชื้อโรค สารเคมีต่างๆ ล้วนแต่จะสร้างปัญหาด้านสุขภาพให้กับเรา ยิ่งถ้าสะสมมากๆก็ยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย อาจก่อให้เกิดโรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับปอด เป็นต้น และช่วงนี้ยังมีปัญหาเรื่องละอองฝุ่นในอากาศ หรือวิกฤติฝุ่น PM 2.5 ทำให้หลายๆคนหันมาซื้อเครื่องกรองอากาศกันมากขึ้น เราจึงอยากแนะนำหลักที่ใช้พิจารณาในการเลือก เครื่องกรองอากาศ หรือ เครื่องฟอกอากาศ

1. ประสิทธิภาพของเครื่องกรองอากาศ เราสามารถทราบได้จากค่าต่างๆบนฉลากเครื่อง ได้แก่

  • CADR หรือ Clean Air Delivery Rate เป็นการวัดปริมาณอากาศทั้งหมดที่ระบบกรองอากาศสามารถทำความสะอาดอากาศที่ปนเปื้อนสิ่งสกปรกที่เฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่งได้เวลา 1 นาที ค่าCADR จะผ่านการทดสอบจากหน่วยงาน Association of Home Appliance Manufacturers (AHM) ค่า CADR เป็นค่ามาตราฐานกลางที่รับรองโดยหน่วยงานด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสถาบันสุขภาพปอดแห่งสหรัฐอเมริกา โดยผลการทดสอบจะระบุเป็นตัวเลขที่มีหน่วยเป็นคิวบิกฟุตต่อนาที (CFM) จำนวน 3 ค่า ได้แก่

1. SMOKE อัตราการทำความสะอาดอากาศที่ปนเปื้อนควันบุหรี่
2. DUST อัตราการทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง
3. POLLEN อัตราการทำความสะอาดอากาศที่ปนเปื้อนละอองเกษรดอกไม้

ค่า CADR ที่แสดงนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 125 และถ้ายิ่งมีค่ามากแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการกรองดี ดังนั้นหนึ่งคำถามที่คุณควรถามกับพนังงานขายก็คือ “เครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้หนึ่งชั่วโมงกรองได้กี่รอบ ?”

  • Air Volume หรือ Airflow คือตัววัดความเร็วลมจากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและปล่อยออกมาจากเครื่องกรองอากาศ ถ้ามีค่าสูงหมายถึงว่ามีประสิทธิภาพในการกรองอากาศสูง
  • Area Coverage คือขนาดของห้องที่เครื่องฟองอากาศสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อเครื่องกรองอากาศจึงจำเป็นต้องวัดขนาดของห้องเสียก่อน ขนาดคือ กว้าง x ยาว = ตารางเมตร
  • Air Changes per Hour (ACH) คืออัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศสะอาดให้กับห้องภายในหนึ่งชั่วโมง เช่น ค่าระบุที่ 5 หมายความว่า อากาศภายในห้องจะถูกเปลี่ยนถ่ายเป็นอากาศสะอาดได้ถึง 5 รอบทุกชั่วโมง

2. แผ่นกรองอากาศ (Filter) การทำงานของแผ่นกรองอากาศจะลดประสิทธิภาพลงนับตั้งแต่คุณเริ่มใช้เครื่อง เมื่อถึงเวลาคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง แต่หากคุณไม่เปลี่ยนก็เท่ากับคุณเปิดพัดลมดีๆนี่เองคะ ดังนั้นแผ่นกรองอากาศจึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องกรองอากาศคะ เนื่องจากเราไม่สามารถทราบได้ว่าแผ่นกรองของเราควรถึงเวลาเปลี่ยนแล้วหรือไม่ จึงควรเลือกเครื่องกรองอากาศที่มีตัวจับเวลาเปิด-ปิดเครื่อง ซึ่งจะสามารถแจ้งเตือนได้ว่าควรเปลี่ยนแผ่นกรองหรือยัง ซึ่งเครื่องกรองอากาศขนาดเล็กมักจะไม่มี อีกปัจจัยหนึ่งก็เรื่องราคา และการหาซื้อ ควรสอบถามให้อะเลียด ถ้าหาซื้อยากก็ต้องชั่งใจก่อนซื้อนะคะ

3. ฟังก์ชั่น  เป็นสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ผู้ซื้อได้รับประโยชน์มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน เช่น แผ่นกรองคาร์บอน ซึ่งจะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แผ่นกรองที่มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำซึ่งจะช่วยให้อากาศที่ออกมามีความชุ่มชื่น เป็นต้น

4. การรับประกัน อย่ามองแต่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะเครื่องฟองอากาศจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาอยู่ตลอด จึงควรมองเรื่องการรับประกันสินค้าว่ามีระยะเวลาเหมาะสมหรือไม่ และรับประกันอะไหล่ส่วนไหนบ้าง

5. ระดับเสียง ปัจจัยนี้อาจถูกมองข้าม แต่เชื่อเถอะคะว่า คุณจะรู้สึกรำคาญถ้าเครื่องกรองอากาศของคุณมีเสียงดัง และหากว่างไว้ในห้องนอนคุณจะนอนไม่หลับได้นะคะ ระดับที่ดีตั้งไม่เกิน 30-31 เดซิเบล

เมื่อทราบแล้ว หากต้องซื้อเครื่องกรองอากาศครั้งต่อไปอย่าลืมนำไปใช้นะคะ